จัดบ้านให้น่าอยู่

จัดบ้านให้น่าอยู่

จัดบ้านให้น่าอยู่ ด้วยสวนหย่อม

จัดบ้านให้น่าอยู่

จัดบ้านให้น่าอยู่ ก็เหมือนการสร้าง ผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เป็นการนำความฝัน และความชอบ มาตกแต่ง ให้บ้านมีสไตล์ ในแบบที่เป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น จัดสวนหย่ม หน้าบ้าน เปิดหน้าต่าง รับแสงและลม จากธรรมชาติ แสงเป็นสิ่งสำคัญที่สร้าง บรรยากาศ ในบ้านให้

น่าอยู่ เพราะแสง จะช่วยถ่ายเทอากาศ เข้าสู่บ้าน ซึ่งบ้านที่มีลม พัดผ่านตลอด จะทำให้รู้สึก ถึงความผ่อนคลาย เหมือนอยู่ใกล้กับธรรมชาติ ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้าน การมีต้นไม้ ช่วยให้รู้สึก สบาย อบอุ่น เหมือนอยู่ ใกล้กับแหล่ง ธรรมชาติ และสีเขียว

เป็นสีโทนเย็น สร้างความ ผ่อนคลาย เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ กับบ้าน และสีสันไม้ดอกไม้ประดับ และมีความสดใส และมีชีวิตชีวาทำให้บ้านน่าอยู่มากขึ้น เพราะว่าบ้าน จะเป็นสถานที่ ที่เมื่อคุณ กลับมาแล้ว จะได้รับความผ่อนคลาย ลดอาการ เหนื่อยล้า ทั้งหมด จากการทำงาน ใน ไลฟ์สไตล์ ของคุณ

วิธีการจัดสวนหย่อมให้สวยพร้อมเคล็ดลับให้บ้านน่าอยู่

จัดบ้านให้น่าอยู่

จัดบ้านให้น่าอยู่ ออกแบบสวนหย่อมกลางแจ้งให้บ้านน่าอยู่การเลือกสวนหย่อม ให้เหมาะกับบ้าน ที่อยู่อาศัย ถือเป็นสิ่งสำคัญ อันดับต้น ๆ ในการจัดสวนหย่อม กลางแจ้งจะช่วยสร้าง ำความสอดคล้องกับตัวบ้าน และยังเป็น ประโยชน์กับผู้อาศัย โดยแบ่งการวิธีออกแบบ สวนหย่อมกลางแจ้งได้ 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

1.มีพื้นที่จำกัด

พบได้มาก ในเขตเมือง มักเป็นบ้านจัดสรร คอนโด  หรือบ้านเช่า นิยมการตกแต่ง สวนแบบธรรมชาติ โดยจะล้อมตามบริเวณจัดสวนหย่อมเป็นอันดับแรก ต้นไม้เน้นสีเขียวลื่นตา และการตกแต่งสวนแบบนามธรรม ซึ่งไม่ค่อยเป็น ที่นิยมมากนัก โดยแต่งสวนออกมาจาก

ความคิดของผู้แต่ง บอกเล่าเรื่องราว อย่างมีศิลปะ ซึ่งการตกแต่งสวน ทั้งสองอย่างนี้เหมาะแก่ การทำสวนแนวตั้ง สวนกระถาง และสวนแขวน เพราะใช้พื้นที่น้อย ดูแลรักษาง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก สามารถตั้งได้ทั้ง ในบ้านและนอกบ้าน

2.มีพื้นที่ปานกลางจนถึงใหญ่

ตามสถานที่สำคัญ เช่น วัด สวนสาธารณะ สำนักงาน บริษัท และบ้านนอก เขตเมือง นิยมการตกแต่งสวน แบบประดิษฐ์ โดยอิงจากหลัก การทางเรขาคณิต หรือความสมดุล เป็นเรื่องหลัก ต้นไม้จะมีความ คล้ายคลึงกัน เรียงไล่ระดับ อย่างเป็นระเบียบ

เน้นสีฉูดฉาด และการตกแต่ง แบบสวนจินตนาการ มักใช้ในเหตุการณ์สำคัญ บางอย่าง เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยงสังสรรค์ หรือเทศกาลใหญ่ ๆ โดยการดัด แปลงลักษณะต้นไม้ อาจมีการ วางรูปปั้น หรือประติมากรรม จัดแต่งทั้งสองอย่างนี้จึงเหมาะ แก่การทำสวนกระบะ และสวนหิน เพราะใช้พื้นที่พอสมควร ในการจัดวางต้นไม้ สร้างจินตนาการ

 ปรับหน้าดินให้กับสวนหย่อม

การเตรียมหน้าดิน ให้เหมาะกับการทำสวน หย่อมกลางแจ้ง จำเป็นต้องได้แบบแปลนสวน ที่ตกลงกันดีแล้วจริง ๆ ก่อน เพื่อไม่ให้ สูญเสียเงิน และค่าแรงงาน สามารถแยก เป็นส่วน ๆ ได้ดังนี้

  • การสำรวจพื้นที่ก่อน ทำสวนหย่อม ที่จะทำว่า เป็นพื้นดินเก่า พื้นดินใหม่ มีท่อระบายน้ำ หรือสายไฟพาดผ่าน และใช้พื้นที่ ทั้งหมดประมาณ เท่าไหร่ เพื่อให้สามารถ เตรียมดินถม ได้อย่างเหมาะสม พอดีกับพื้นที่ทำ ควรคำนึงถึง สภาพอากาศ และช่วงเวลา ทำงานให้ดี เพราะหากฝนตก หรือมีงานก่อสร้าง จะทำให้ดิน ที่ปรับไว้แล้วเป็นรอย หรือมีน้ำขังทำให้ ลำบากปรับดินใหม่
  • การลงดินถม ให้จัดการวัชพืช และนำของตกแต่ง ออกจากพื้นที่ก่อน จากนั้นนำปูนขาว มาวางพื้นที่ตาม แบบแปลน ตรงไหนเป็นพื้นที่ต่างระดับ ให้โรยทำเป็นช่อง เอาไว้ หากบางจุด มีการวางท่อน้ำ หรือสายไฟให้โรย ทำพื้นที่ไว้เช่นกัน เพื่อให้ระวังจุด ดังกล่าวเป็นพิเศษ เริ่มลงดินถม ในที่ที่ง่ายก่อนจากนั้น ให้ลงบนที่ต่างระดับ ต่อไป เมื่อลงดินเรียบร้อยแล้ว ควรรดน้ำ และเหยียบให้ดินมีความมั่นคงต่อ หากมีพื้นที่บางจุด ต่างระดับเกินไป ให้ใส่ดินถมเพิ่ม แล้วทำการรดน้ำและเหยียบลงไปอีกครั้ง ให้พื้นดินเท่ากัน จากนั้นให้ทิ้งไว้ 1 คืน ถ้าวันต่อมา ยังพบว่ามีดินยุบ ให้ทำการเติม จนกว่าจะได้หน้าดิน ที่เท่ากัน มากที่สุด

หินและกรวด

จัดบ้านให้น่าอยู่

หินและกรวด เป็นของคู่กัน ในการตกแต่ง สวนหย่อมกลางแจ้ง โดยมีหน้าที่หลัก คือการเก็บรายละเอียด และเพิ่มจุดเด่น ของพื้นที่ การเลือกหินและกรวด จะแบ่งได้ทั้งหมด 3 อย่างด้วยกัน คือ

1.หินทางเดิน จะมีลักษณะ เป็นแผ่นยาว ทนทานแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี นิยมใช้หินทราย เนื่องจากตัดแต่งได้ และมีสีให้เลือกหลากหลาย รองลงมาเป็นหินกาบ จะรับน้ำหนักได้ดี ที่สุด และหินเลียน แบบธรรมชาติซึ่งเกิดจากการนำหินหลายชนิดมาทำเป็นลวดลายลงไป มักคิดราคาเป็นแผ่นอยู่ที่ 60-130 บาท

2.หินตกแต่งหรือหินกรวด จะมีขนาดไม่ใหญ่มากโดยแบ่งตามลำดับตัวเลข 1-5 ซึ่งเบอร์ 1 คือขนาดใหญ่ และเบอร์ 5 คือขนาดเล็ก นิยมใช้หินกรวดแกลบ เพราะมีสีหลากหลายใช้เก็บซอกทางเดินหรือปิดจุดไม่สวยต่าง ๆ รองลงมาคือหินกรวดสีน้ำผึ้งจะเน้นวางตามทางเดิน และทางน้ำตก โดยราคาจะคิดเป็นถุง 1 ถุงจะมีหนักประมาณ 9 กิโลกรัม ราคาประมาณ 40-50 บาท

3.หินโชว์ มักใช้ในสวน ขนาดปานกลาง ขึ้นไป เนื่องจากหินมีขนาดใหญ่ โดยลักษณะของหิน นั้นเกิดจากการกัดเซาะ ตามธรรมชาติ หรือสั่งทางร้านตัดแต่ง มาให้ได้ ราคาจึงอยู่ระหว่าง 3,000-3,500 บาท

ในการลงหิน และกรวดทุกครั้ง ควรวางตะข่าย บนหน้าดินก่อน แล้วจึงลงหิน เพื่อง่ายต่อการ ทำความสะอาดในภาย ภาคหน้า ต้องการแต่งสวนหย่อม ที่มีพื้นที่หน้าบ้านขนาดเล็ก จึงซื้อหินทรายสีดำ และกรวดแกลบสีขาวมาปิดซอก จะใช้งบอยู่ที่ 600-1,500 บาท หากรวมตะข่ายเข้าไปด้วย

พืชคลุมดิน

การรักษาหน้าดิน ให้มีความทนทาน ยาวนาน มีน้ำที่เหมาะสมกับต้นไม้ ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยสิ่งที่สามารถเข้ามาช่วย ในเรื่องเหล่านี้ได้ดีคือ พืชคลุมดิน โดยวิธีการเลือกพืช ให้ถูกตรงตามสภาพ สวนหย่อมของเจ้าบ้าน แบ่งออกได้ 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

1.สวนที่มีแดดส่องตลอดเวลา หรืออาจมีบ้างช่วงที่รับแสงมาก ควรใช้พืชคลุมดินที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนหรือร้อนชื้น ได้แก่ กระดุมทองเลื้อย ที่มีใบเขียวมันและขนออกดอกสีเหลืองเข้ม ใบต่างเหรียญ จะทนทานต่อแรงกระแทกบอบช้ำยาก ไม่ต้องตัดแต่งมาก ปลูกในที่ร่มได้แต่จะใบเล็ก หรือเลือกเป็นถั่วลิสงเถาหรือถั่วบราซิลก็ได้

2.สวนที่มีแดดส่องบาง มีร่มจากบ้านหรือต้นไม้ใหญ่ช่วยบัง พืชคลุมดินที่ควรนำมาปลูกมักจะเป็นการเพิ่มความสวยงาม อยู่ตามพื้นที่ที่ถูกแรงกระแทกน้อย ได้แก่ ส้มกบหรือผักแว่น จะมีใบคล้ายโคลเวอร์ออกดอกสีเหลืองไม่ต้องดูแลตัดแต่งมาก มีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาแผลเปื่อย แก้ท้องเสียได้ หรือเฟิร์นกนกนารี (Spike Moss) ใบเล็กใช้ปลูกบริเวณโคนต้นไม้และซอกแผ่นทางเดิน

ไม้พุ่ม

ไม้พุ่ม หรือไม้กอ เป็นต้นไม้ที่นิยมมาตั้งเพื่อสร้างร่มเงา สร้างอาณาเขตให้กับสวน หรือปิดกั้นมุมที่ไม่สวยงามน่ามอง ในการเลือกต้นไม้พุ่ม ควรคำนึงถึงพื้นที่ของสวนก่อนว่ามีขนาดเท่าไหร่ สิ่งแวดล้อมภายนอกเน้นในลักษณะไหน จะทำให้สวนเข้ากันกับบ้านและเหมาะสมต่อการใช้สอยมากที่สุด การจัดไม้พุ่มสามารถแบ่งออก 3 แบบคือ

  1. แบบพุ่มเดี่ยว มักใช้ไม้พุ่มขนาดใหญ่ตั้งกลาง หรือมุมต่าง ๆของสวน พบเห็นได้ทั้งพื้นที่สวนขนาดใหญ่และขนาดกลาง มักปลูกเพื่อให้ได้ร่มเงา และบังแดดให้พืชข้างล่าง นิยมใช้ต้นหูกระจง หรือปาล์มหางกระรอก 
  2. แบบพุ่มกั้น เห็นได้บ่อยตามบริษัท สำนักงาน และบ้านที่มีบริเวณสวนพอสมควร แต่ต้องตัดแต่งบ่อยครั้ง การปลูกแบบพุ่มกั้นสามารถแยกพื้นที่ให้เป็นหลักแหล่งได้ดี มักใช้ไม้พุ่มเตี้ยจนถึงไม้พุ่มระดับกลาง โดยปลูกห่างระหว่างกันเล็กน้อยให้สามารถเชื่อมกันในตอนโตได้ เช่น ต้นเข็ม ไทรเกาหลี หรือต้นโมก
  3. แบบพุ่มบัง จะนิยมนำมาผสมผสานกับรูปแบบพุ่มกั้น และแบบพุ่มเดี่ยวเพื่อเพิ่งมิติของสวน สำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดจะมี 1 ถึง 2 ชั้น แต่สวนที่ใหญ่กว่านั้น จะมีได้ 2-3 ชั้น และมักใช้ไม้พุ่มเตี้ยที่มีดอกหรือสีสันตัดกับชั้นอื่นมาปิดท้าย เช่น พุดน้ำบุศย์ โกสน หรือหมากผู้หมากเมีย

ในเรื่องจำนวนนั้น มักปลูกล้อมรอบพื้นที่สวนสำหรับแบบพุ่มกั้น และแบบพุ่มบัง โดยมีจำนวน 5 ต้นขึ้นไป สำหรับแบบพุ่มเดี่ยวจะเน้นกระจาย หรือเรียงตามแนวทางเดิน จำนวนมีตั้งแต่ 1 ต้นขึ้นไป การเลือกดอกไม้ควรตัดกับสวนพุ่มที่จัดไว้ และสอดคล้องกับตัวบ้าน

แหล่งน้ำ

น้ำเป็นสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กับบ้านมานานตั้งแต่ยุคโบราณ ไม่ว่าจะใช้น้ำเพื่อดื่มกิน นำมาประกอบการทำอาหาร หาปลา กระทั่งเป็นทางคมนาคมเพื่อการค้า ปัจจุบันก็ยังเป็นที่ต้องการในการสร้างบรรยากาศ และให้ความร่มเย็นอยู่ โดยการจัดแหล่งน้ำมีรูปแบบ ดังนี้

  • แบบม่านน้ำ จะทำตามฝาผนังเป็นส่วนใหญ่ โดยลักษณะของน้ำจะไหลลงมาจากข้างบนลงข้างล่างคล้ายกับฝน ไม่มีเสียงดังรบกวน อาจทำเป็นทางกั้นระหว่างพื้นที่ หรือทำตัวอักษรข้างล่างให้น้ำไหลตามได้
  • แบบน้ำผุด เป็นการออกแบบยอดนิยมทั้งสวนใหญ่ และสวนเล็ก  โดยการติดตั้งตามพื้นที่นั่งเล่น ลานกลางสวนหย่อมเพื่อเป็นจุดนำสายตาของผู้พบเห็น มักมีฐานรองน้ำที่ไหลออกมาให้ได้ชมบรรยากาศด้วย
  • แบบน้ำตก เป็นการตกแต่งที่กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด มักพบน้ำตกขนาดเล็กตามบ้านสวน และขนาดใหญ่ตามสำนักงาน โดยการจัดน้ำรูปแบบนี้จำเป็นต้องใช้งบประมาณพอสมควร

ของตกแต่งสวนหย่อมกลางแจ้ง

หลังจากแต่งสวนหย่อมเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกหนึ่งอย่างเพื่อทำให้สวนของผู้แต่งแตกต่างไม่เหมือนใครด้วยของตกแต่ง ซึ่งช่วยเป็นเอกลักษณ์ให้กับคนที่เดินผ่านแล้ว ตัวผู้ทำเองยังเกิดความทรงจำกับสวนนั้นได้อีกด้วย 

คนส่วนใหญ่นิยมนำของตกแต่งที่ทำมาจากปูน และขนาดใหญ่พอประมาณมาตั้ง เนื่องจากมีความคงทนต่อแสงแดดและสายฝน เช่น ตุ๊กตาในเทพนิยายความเชื่อ ตุ๊กตาน่ารัก หรือแจกันลวดลายต่าง ๆ

หากมีงบประมาณจำกัด ก็สามารถนำสิ่งของที่มีอยู่แล้วภายในบ้านนำออกมาประดิษฐ์ ลงสีสัน และออกแบบใหม่ โดยมักใช้ของเก่าที่ทนทานไม่มีการใช้งานแล้ว เช่น ลูกกอล์ฟ ทาสีให้เป็นลายแมลงเต่าทองหลากสีวางตามโค่นต้นไม้ หรือข้างทางเดิน ยางรถยนต์ นำมาพันรอบข้างด้วยเชือกกระสอบตั้งเป็นกระถางต้นไม้

การดูแลสวนหย่อม

หากต้องการคงความสวยงามของสวนหย่อมให้อยู่กับเจ้าของบ้านยาวนาน ก็ควรได้รับการดูแลที่ดีจากคนทำสวนด้วย โดยมีวิธีง่าย ๆ แถมช่วยฝึกความรับผิดชอบ ได้แก่ อุปกรณ์ที่จำเป็นและอาจจำเป็นในอนาคตเพื่อดูแลสวน เช่น จอบ ที่ต้องใช้ปรับหน้าดิน กรรไกรตัดหญ้า หรือตะข่ายรองหิน กำจัดวัชพืชบ่อยครั้ง จะทำให้ต้นไม้เติบโตดี ป้องกันแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาอยู่อาศัย รดน้ำทุกเช้าจะทำให้ต้นไม้ได้รับอาหารมาก และรดน้ำตอนเย็นอีกครั้ง พรวนดินเสมอ สุดท้ายใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม ต้นไม้จะได้รับสารอาหารเพียงพอจนโตงอกงามในเร็ววัน

การจัดสวนหย่อมกลางแจ้งให้บ้านน่าอยู่ จะเป็นเรื่องง่ายไปเลยหากผู้จัดเข้าใจรูปแบบของบ้าน ตำแหน่งของสวน และต้นไม้ที่จะนำมาลง เพียงเท่านี้ก็จะได้มุมพักผ่อนที่เป็นธรรมชาติ และสวนหย่อมกลางแจ้งที่อยู่ร่วมกันกับเราไปอีกนาน

อ่านบทความที่น่าสนใจถัดไป สไตล์บ้าน