บ้านอิฐ กลางน้ำ โอบล้อมด้วยความฉ่ำเย็นในทุกฤดูกาล
บ้านอิฐ กลางน้ำ โอบล้อมด้วยความฉ่ำเย็นในทุกฤดูกาล ในชีวิตที่ต้องก้าวเดินบ้าง วิ่งบ้าง ทุก ๆ วัน ก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกเหนื่อย จนมีบางครั้งที่ต้องการ “หยุด” เพื่อพักร่างกายและฟื้นฟูจิตวิญญาณ หลายคนรอใช้วันหยุดไปท่องเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติ แต่ในครอบครัวที่งบประมาณอาจเลือกสร้างบ้านหลังที่สอง เพื่อพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว เหมือนเช่นบ้านหลังนี้ที่โดดเด่นท่ามกลางธรรมชาติ ท้องทุ่ง และสระน้ำbuy villa phuket ความพิเศษยังอยู่ที่การผสมผสานระหว่างสภาพแวดล้อมในเมืองและชนบท อย่างตระหนักถึงบริบทของแวดล้อมของภูมิภาค วัฒนธรรม และสภาพอากาศพื้นถิ่น เเพื่อรักษาแก่นแท้ของความเรียบง่ายที่บรรพบุรุษเคยสร้างไว้ แล้วนำมาประยุกต์ออกมาเป็นบ้านร่วมสมัยเพื่อส่งต่อไปสู่คนรุ่นต่อไปtownhouse
ประยุกต์ออกมาเป็นบ้านร่วมสมัย
บ้านสำหรับพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์นี้สร้างอยู่ในประเทศ บังคลาเทศ ได้รับการออกแบบสำหรับครอบครัวเล็ก ๆ ที่ปกติจะอาศัยอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในเมือง ปราศจากอากาศบริสุทธิ์และความรู้สึกอิสระ จึงมองหาสถานที่ที่ได้ปลดปล่อยความเหนื่อยล้า พร้อมเชื่อมต่อกับวิถีชีวิตแบบชนบท แนวคิดในการออกแบบคือ สร้างรูปแบบอาคารที่ตอบสนองต่อธรรมชาติโดยรอบ ให้บ้านกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ โดยรักษาต้นไม้ที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังลดของอาคารลง เพื่อจัดเนื้อที่ที่เหลือทั้งหมดให้เป็นสวนเขียว ๆ สระน้ำ เป็นธรรมชาติมากที่สุด
อาคารสองชั้นโชว์วัสดุก่อสร้างที่สำคัญ คือ อิฐดินเผา ซึ่งเป็นวัสดุบ้านๆ ทำขึ้นโดยช่างในท้องถิ่น อิฐเปลือย ๆ ไม่ฉาบทับถูกนำมาใช้เพื่อให้เกิดความรู้สึกสัมผัสที่แข็งแกร่ง ดูเข้ากันได้กับบริบทโดยรอบ แม้บ้านจะดูสูงใหญ่ก็ยังดูถ่อมตัว ส่วนวัสดุอื่น ๆ ก็มี อาทิ ไม้ในท้องถิ่นใช้สำหรับเฟอร์นิเจอร์และหน้าต่างประตู ทั้งนี้เพื่อลดการสูญเสียวัสดุ ทีมงานจึงนำอิฐที่หักหรือเหลือมาใช้ในงานหล่อสำหรับบล็อกทางเท้าที่ปูนำทางเข้าสู่ตัวบ้าน บ้านสไตล์นอร์ดิก
ภาพรวมของบ้านจะมีเสาและผนังแบ่งบ้านออกเป็นช่อง ๆ ด้านหน้ามีที่ว่างเป็นระเบียงและเฉลียง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความลื่นไหลจากกลางแจ้งสู่ในร่ม พร้อมทั้งเป็นกันชนเสมือนกันสาดปกป้องพื้นที่อยู่อาศัยในบ้านจากแสงแดดและฝนโดยตรง และยังเป็นจุดนั่งเล่น buy villa phuketพุดคุยกันในครอบครัวสบาย ๆ ในขณะที่เชื่อมต่อมุมมองระหว่างสภาพแวดล้อมในบ้านและทุ่งนาโดยรอบ ซึ่งจุดนี้เป็นการปรับประยุกต์จากพื้นที่กึ่งกลางแจ้งที่มีรูปแบบแตกต่างกันในแต่ละชุมชนดั้งเดิม อย่างในบ้านเราก็จะมีชานเรือนหน้าบ้าน ลานใต้ถุนบ้าน แต่นำมาตีความใหม่ในรูปแบบที่ใช้งานได้อย่างเหมาะสม
ภายในบ้านประกอบด้วย
ห้องนอน 3 ห้อง พื้นที่นั่งเล่นสำหรับครอบครัว 2 ห้อง ห้องหนึ่งอยู่ชั้นล่างและอีกห้องหนึ่งอยู่ที่ชั้นลอย พื้นที่รับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องอ่านหนังสือ และห้องผู้ดูแลบ้าน โดยกำหนดให้พื้นที่ส่วนกลางสำหรับนั่งเล่นและรับประทานอาหารเป็นส่วนสำคัญของอาคาร เนื่องจากลักษณะปริมาตรใจกลางบ้านที่มีความสูงสองเท่า Double Volume และหน้าต่างสูงๆ ที่เปิดใช้งานในทางด้านทิศเหนือของอาคาร ก็ช่วยให้อากาศร้อนลอยขึ้นและระบายออกไป แล้วรับอากาศที่เย็นกว่าให้ไหลเข้ามา ทำให้เกิดการระบายอากาศแบบข้ามอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้อากาศเย็นสบายอยู่เสมอ ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นเช่นนี้จากระเบียงบนชั้นสอง สามารถเก็บวิวของบ้านได้ในวงกว้าง เพียงแต่ออกมานั่งอาบแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า พลางจิบกาแฟหอม ๆ ถ้วยโปรด ฟังเสียงนกที่แวะมาทักทาย รับไอเย็นจากสนามหญ้าและสระน้ำ ก็รู้สึกว่าความเหน็ดเหนื่อยที่ผ่านมาตลอดทั้งปีหายไปเป็นปลิดทิ้ง
ส่วนอาคารเล็ก ๆ ชั้นเดียวที่สร้างยื่นเหมือนลอยออกมาเหนือน้ำนี้ สร้างจากแนวคิด “Kachari Ghar” ตามวัฒนธรรมดั้งเดิม ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่แพร่หลายในสถาปัตยกรรมชนบทของบังคลาเทศ โครงการนี้นำความคิดนั้นมาปรับประยุกต์ใช้ในรูปแบบของห้องสมุด ที่เป็นห้องอ่านหนังสือพร้อมที่เก็บหนังสือ สร้างความรู้สึกสงบสุขทั้งในจิตใจและรอบๆ สถานที่ ส่วนภูมิทัศน์ก็จัดขึ้นใหม่ด้วยต้นไม้และพืชทั่วไปที่หาได้จากท้องถิ่น ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวแบบบ้านแฝด
วัสดุหลักในการสร้างบ้านชนบทยุคหนึ่งนิยมให้อิฐแดงเป็นตัวหลัก เพราะเป็นวัสดุที่ช่วยให้บ้านมีความเป็นกันเอง เรียบง่าย และเป็นที่คุ้นเคยของของช่างก่อสร้างเป็นอย่างดี แต่ในยุคหลังมีวัสดุอื่นทดแทนที่ราคาถูกแถมสร้างได้เร็วกว่า ทำให้อิฐลดความนิยมในการใช้งานลงไปพอสมควร แต่ก็ไม่ถูกละทิ้งเสียเลย เพราะคุณสมบัติที่แข็งแรง อัตราซึมน้ำไม่มาก ทั้งยังมีสีและเนื้อสัมผัสที่เป็นที่เอกลักษณ์ ทำให้บ้านแลดูมีเสน่ห์และขณะเดียวกันก็มีความเป็นมิตร เพียงแต่นำมาปรับมุมมอง เปลี่ยนฟังก์ชัน หรือการนำเสนอก็สามารถอยู่ร่วมได้อย่างสง่างามทุกยุคสมัยbuy villa phuket